เมนูนี้กับ “เค้กโยเกิร์ตสตรอเบอรี่” เป็นเบเกอรี่ที่จะเกือบเพื่อสุขภาพ เพราะใช้ “โยเกิร์ต” รสธรรมชาติทดแทนในครีมชีส ซึ่งทรายพูดเลยว่าความรู้สึกอาจจะไม่เหมือนกับตอนที่เรากินชีสเค้กแน่นอนค่ะ แต่รสชาติที่ได้จะให้ความนุ่ม อมเปรี้ยว แต่อาจจะไม่จัดจ้านเพราะขาดความหอมมัน และความเป็นครีมมี่
หลายคนอาจจะไม่ชอบเมนูนี้ แต่ถ้าใครที่รักสุขภาพเมนูนี้จะต้องถูกใจแน่นอนค่ะ ทรายเพิ่มความกรุบกรอบด้านหน้าชีสเค้กด้วย “ครัมเบิ้ล” แน่นอนค่ะว่าตอนที่โรยไว้ด้านบนจะจมแน่นอน ด้วยตัวโยเกิร์ตมีความเบามากกว่า “ครีมชีส” ถ้าใครไม่ซีเรียสสามารถโรยด้านบนแล้วนำเข้าอบได้เลย แต่ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้เสิร์ฟครัมเบิ้ลแยกต่างหาก หลังจากอบเค้กสุกแล้วนะคะ ลองทำดูนะคะให้ความสดชื่นอีกแบบค่ะ

ส่วนผสม (ครัมเบิ้ล)
- เนยเค็ม 30 กรัม
- น้ำตาลป่น 60 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 40 กรัม
ส่วนผสม (ตัวเค้ก)
- โยเกิร์ต รสธรรมชาติ 450 กรัม
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- แป้งข้าวโพด 50 กรัม
- สตรอเบอรี่สด 100 กรัม
- น้ำผึ้ง 90 ml.
- กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
- สตรอเบอรี่สด (สำหรับโรยด้านบน) 50 กรัม
ขั้นตอนการทำ (ครัมเบิ้ล)
- นำแป้งสาลีอเนกประสงค์,น้ำตาลทราย และเนยสด ผสมให้เข้ากันด้วยแบลนเดอร์ หรือจะใช้มือในการผสมให้เป็นลักษณะทรายเปียก เหมือนกับการทำฐานชีสพาย จากนั้นพักไว้
ขั้นตอนการทำ (เค้กโยเกิร์ต)
- 1.ตีไข่ไก่ กับน้ำผึ้ง และกลิ่นวานิลา คนส่วนผสมด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน ไม่จำเป็นต้องตีจนส่วนผสมขึ้นฟูมากเกินไป
- 2.จากนั้นใส่โยเกิร์ต รสธรรมชาติลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- 3.ใส่แป้งข้าวโพดที่ร่อนเตรียมไว้แล้วลงไป ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันด้วยพายยาง และใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมจนเนียน จึงใส่สตรอเบอรี่ที่หั่นเตรียมไว้ลงไป
ขั้นตอนการขึ้นรูป
- 1.เทใส่พิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ แบบถอดก้นได้ รองด้วยกระดาษไขรองอบ การปูกระดาษไขรองอบใช้วิธีเดียวกับการทำชีสเค้กหน้าไหม้
- 2.เทส่วนผสมใส่พิมพ์ และโรยหน้าด้านบนด้วยครัมเบิ้ลที่เตรียมไว้ จะตกแต่งด้วยสตรอเบอรี่สดเพิ่ม หรือไม่ตกแต่งก็ได้
ขั้นตอนการอบ
- 1.นำเข้าอบแบบไม่ต้องรองน้ำ อบรอบแรกใช้อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการอบรอบแรก 50 นาที จากนั้นปรับอุณหภูมิเป็น 180 องศาเซลเซียส แล้วอบต่ออีก 30 นาที จนหน้าครัมเบิ้ลเริ่มเป็นสีน้ำตาลทองสวย
- 2.พักเค้กไว้ในพิมพ์จนกว่าเค้กจะเย็นสนิท จึงนำมาตัดเสิร์ฟได้ทันที หรือจะพักไว้ในตู้เย็นก่อนนำมาตัดเสิร์ฟก็ทำได้เช่นกัน
Tip:
- หากใช้โยเกิร์ตที่ความเข้มข้น อาจจะต้องปรับปริมาณน้ำผึ้งเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20 ml. หรือมากกว่านั้น (ตามชอบ) เนื่องจากโยเกิร์ตที่มีความเข้มข้นสูงไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล เลยทำให้รสชาติความหวานน้อยลง
- แต่ถ้าใช้โยเกิร์ตที่ไม่ได้มีความเข้มข้นสูงมาก เนื้อโยเกิร์ตค่อนข้างเหลว อาจจะทำให้เนื้อเค้กไม่ได้รูปทรงที่ต้องการเท่าที่ควร จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณแป้งข้าวโพดลงไปในส่วนผสมอีก 50 กรัม เพื่อให้ได้ทรงเค้กที่สวยงาม
- สูตรนี้ให้เนื้อสัมผัสนุ่ม ลงตัว เหมาะกับคนที่รักษาสุขภาพ และอุปกรณ์ที่ใช้ทำไม่ยุ่งยาก เหมาะกับคนที่ชอบกินโยเกิร์ต และไม่แพ้นมวัว
ติดตามสูตรขนมแบบอัพเดตล่าสุดได้ทุกวันพุธ และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ได้ที่ช่องทาง YouTube หรือข่าวสารโปรโมชั่นและสาระน่ารู้ทั่วไปเกี่ยวกับขนมอบได้ที่ Facebook หรือลงทะเบียนเรียนทำขนมแบบคลาสเรียนแบบส่วนตัวกับครูพี่ทรายดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คอร์สเรียน และสอบถามรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Line