Menu Close

เมล่อนเค้ก – Melon Cake

ถ้าพูดถึง เมล่อน หลายคนคนต้องนึกถึงความหอม และเมื่อกินแล้วรู้สึกเย็นชื่นใจใช่ไหมคะ เมนู #เมล่อนเค้ก ของทรายลองใช้บัตเตอร์ครีมในการแต่งหน้าเค้ก แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบความหนักแน่นของเนื้อบัตเตอร์ครีมเมล่อน สามารถปรับเป็นครีมสดแล้วกินคู่กับเลม่อน ก็อร่อยได้อีกอรรถรสนึงนะคะ หวังว่าจะชอบเมนูเมล่อนเค้กนะคะ

ส่วนผสม (เค้กสปันจ์ รสวานิลา)

  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • นมสด 80 ml.
  • กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
  • เอสพี (SP) 10 กรัม
  • เนยละลาย 80 กรัม
  • สีผสมอาหารสีเขียว (ตามชอบ)

ส่วนผสม (บัตเตอร์ครีมเมล่อน)

  • เนยสด 120 กรัม
  • เนยขาว 80 กรัม
  • นมข้นหวาน 150 กรัม
  • ไซรัปกลิ่นเมล่อน 60 ml.
  • กลิ่นเมล่อน 2 ช้อนชา

ของสำหรับแต่งหน้าเค้ก

  • เมล่อนหั่นเป็นชิ้นพอคำ
  • ช็อกโกแลตเหรียญ

ขั้นตอนการผสม

  • 1.ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในโถตี ยกเว้นเนยละลาย ส่วนเอสพีให้ป้ายที่หัวตีตะกร้อ จากนั้นใช้ความเร็วต่ำในการผสมส่วนผสม ตีส่วนผสมพอเข้ากัน แล้วจึงค่อยเพิ่มความเร็วเป็นความเร็วปานกลาง และหมั่นเช็คส่วนผสมที่โถตี เพื่อดูว่าเอสพีที่ตีนั้นละลาเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว
  • 2.ระหว่างนี้ให้นำเนยสดไปละลาย แล้วพักทิ้งไว้พออุ่น ๆ
  • 3.ตีส่วนผสมของเนื้อเค้กต่อไปจนทิ้งริ้วตะกร้อ แล้วจึงลดความเร็วลงมาต่ำสุด จากนั้นเติมเนยละลายที่พักไว้ค่อย ๆ เทลงไป ไม่เทรวดเดียวจนหมด เพราะจะทำให้ตีส่วนผสมเข้ากันได้ยาก
  • 4.เมื่อเทเนยละลายจนหมดแล้ว ปรับความเร็วปานกลางและตีส่วนผสมต่อไปอีก 1 นาที เมื่อครบ 1 นาทีแล้วให้ลดความเร็วลงมาต่ำสุด เพื่อตัดฟองอากาศก่อนนำไปเทใส่พิมพ์อบที่เตรียมไว้

ขั้นตอนการขึ้นรูป

  • นำส่วนผสมของเนื้อเค้กที่ตีไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ และใช้ไม้ปลายแหลมไล่ฟองอากาศอีก 1 ครั้ง ก่อนนำเข้าเตาอบ (ไม่ต้องกระแทกพิมพ์อบ)

ขั้นตอนการทำบัตเตอร์ครีมเมล่อน

  • 1.ตีเนยสด กับเนยขาวให้ขึ้นฟูเบา ด้วยหัวตีรูปใบไม้ (สำหรับเครื่องผสมอาหารขนาดใหญ่) และใช้หัวตีตะกร้อ (สำหรับเครื่องผสมอาหารขนาดเล็ก)
  • 2.ค่อย ๆ ใส่นมข้นหวานลงไปหลังจากที่ตีครีมจนขึ้นฟูแล้ว ใช้ความเร็วปานกลางในการตีบัตเตอร์ครีม
  • 3.จากนั้นแต่งกลิ่นเมล่อน และตีส่วนผสมด้วยความเร็วปานกลาง เมื่อส่วนผสมเข้ากันดี ให้ลดความเร็วของเครื่องเป็นความเร็วต่ำสุด เพื่อตัดฟองอากาศของเนื้อครีม ทำให้บัตเตอร์ครีมเนียน และปาดครีมบนตัวเค้กได้ง่ายและสวยงาม

Tip:

  • 1.หากไม่ชอบบัตเตอร์ครีมเมล่อน สามารถใช้วิปปิ้งครีมตีให้ขึ้นฟู แล้วแต่งกลิ่นเมล่อนก็ได้ จะช่วยเพิ่มความอร่อยได้มากกว่า เพราะผลไม้สดจะกินคู่กับวิปครีมได้ดีกว่า
  • 2.ขั้นตอนการตีเนื้อเค้ก แนะนำให้ใส่ส่วนผสมแป้งและของแห้งทั้งหมด หลังจากที่ตีส่วนผสมของเอสพีขึ้นฟูเบาแล้ว ค่อย ๆ ร่อนแป้งลงไป จะช่วยให้เนื้อเค้กฟู นุ่ม และเบากว่า ใส่ส่วนผสมทั้งหมดครั้งเดียว
  • 3.การใส่เนยสด ควรทำให้เนยละลายพออุ่น ไม่ควรร้อนหรือเย็นเกินไป เพราะจะทำให้ผสมส่วนผสมเข้ากันได้ยาก ถ้าเนยละลายเย็น แต่ถ้าเนยละลายร้อนอาจทำให้ส่วนผสมยุบตัวง
  • 4.ควรใช้ไข่ไก่ที่อุณหภูมิห้อง เพราะจะช่วยให้ตีส่วนผสมขึ้นฟูได้ดีกว่าการใช้ไข่ไก่ที่แช่เย็น

คำถามที่พบบ่อย:

1.บัตเตอร์ครีมเก็บรักษาไว้ได้กี่วัน?

  • บัตเตอร์ครีมหลังจากที่ตีให้ขึ้นฟูแล้ว หากนำไปใช้งานไม่หมด ควรเก็บใส่ภาชนะที่ปิดมิดชิด เก็บให้ห่างไกลกับอาหารที่มีกลิ่นแรง ระยะเวลาที่อยู่ในตู้เย็น ประมาณ 1 เดือน และก่อนนำมาใช้งานอีกครั้ง ให้นำออกมาพักไว้ที่อุณหภูมิห้อง และใช้ตะกร้อมือไฟฟ้าตีเนื้อครีมให้เข้ากันดี ก่อนนำไปแต่งหน้าเค้ก

2.ทำเค้กสปันจ์ทีไร ทำไมเค้กชอบเป็นไตที่ก้นพิมพ์ หรือระหว่างตัวเค้กทุกครั้ง?

  • การผสมส่วนผสมไม่เข้ากันดี หรือเอสพีที่ตีนั้นละลายไม่เข้ากับส่วนผสมทั้งหมด จึงทำให้เนื้อเค้กเกิดเป็นไตได้หลังอบ
  • ขั้นตอนการใส่เนยละลาย ถ้าเนยละลายเย็นเกินไป ก็ทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้ยาก ส่งผลให้เค้กเป็นไตได้หลังอบ แต่ถ้าใส่เนยละลายโดยไม่เทเป็นสาย หรือเทครั้งเดียวจนหมด ก็ทำให้ส่วนผสมเค้กเป็นไตได้ เนื่องจากส่วนผสมยังไม่เข้ากันดี จึงเป็นสาเหตุทำให้เนื้อเค้กเป็นไตได้หลังอบ

3.หลังอบทำไมเนื้อเค้กสปันจ์ชอบหดตัว เนื้อแน่นหนัก ไม่นุ่ม ฟู เบา?

  • เนื้อเค้กหดตัวหลังอบอาจเกิดจากการเตรียมพิมพ์อบของเราก็เป็นได้ เนื่องจากทั้งเค้กสปันจ์และเค้กชิฟฟ่อน ไม่ชอบให้มีไขมันติดที่พิมพ์อบ เพราะต้องการความร้อนในการไต่ระดับการขึ้นฟูจากขอบพิมพ์อบ หรือสังเกตง่าย ๆ ว่าไข่ขาวที่ตีไม่ขึ้นฟู เพราะมีไขมัน หรือไข่แดงปนไปในไข่ขาว ก็ทำให้ตีไข่ขาวไม่ขึ้นฟู ซึ่งเหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้ส่งผลให้เนื้อเค้กหดตัว เนื้อแน่น ไม่นุ่ม ฟู และเบาทั้งหมด ดังนั้น ต้องระวังเรื่องความสะอาดของภาชนะที่ใช้ตีส่วนผสม และการเตรียมพิมพ์อบด้วย

แล้วพบเมนูขนมใหม่ ๆ ได้ที่ช่องทาง YouTube หรือติดตามไอเท็มเด็ด ๆ ที่ควรมีหรือควรใช้เพื่อความอร่อยได้ที่ Facebook หรือถ้าสนใจอยากเรียนทำขนมอบสไตล์โฮมเมด สามารถดูรายละเอียดได้ที่ คอร์สเรียน ได้เลยค่ะ แล้วพบกันใหม่ในเมนูถัดไปนะคะ

Related Posts

Leave a Reply