Menu Close

Chocolate chip cookies ทำง่ายเก็บได้นาน

Chocolate chip cookies ทำง่ายเก็บได้นาน

คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ เป็นคุกกี้ที่มีวิธีการผสมแบบ การตีแบบครีม (Creaming Method) วิธีนี้กคล้ายกับการตีเค้กเนยสูตรดั้งเดิม ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุดสำหรับการทำเค้กเนย หรือบัตเตอร์เค้กที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งเริ่มต้นจากการตีเนยและน้ำตาลให้ขึ้นฟู จากนั้นจึงใส่ไข่และแป้ง

ชนิดของคุกกี้ช็อกโกแลตชิพแบ่งตามการขึ้นรูปทรงคุกกี้ ซึ่งคุกกี้ช็อกโกแลตชิพสูตรนี้ จัดอยู่ในรูปทรงคุกกี้หยอด (Drop Cookies) นั่นก็คือ คุกกี้ที่ขึ้นรูปโดยใช้ช้อน หรือที่ตักไอศกรีมแล้วหยอดบนถาดอบนั่นเอง สำหรับใครที่ชื่นชอบคุกกี้สไตล์นี้ ลองทำตามดูนะคะ ว่าแต่ทำไมทรายถึงเลือกใช้ช็อกโกแลตชิพใส่ลงไป และใช้ช็อกโกแลตรูปแบบอื่นด้วยได้ไหม ใครที่กำลังสงสัย เรื่องของ “ช็อกโกแลตชิพ” คืออะไรสามารถดูประวัติน่ารัก ๆ และทำความรู้จักกับช็อกโกแลตชิพไปพร้อม ๆ กันได้ ที่นี่

ส่วนผสม

แป้งสาลีเอนกประสงค์ 400 กรัม
เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
เนยสด 300 กรัม
ผงฟู 1/2 + 1/4 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 80 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง 80 กรัม
ลูกเกด 100 กรัม
ช็อกโกแลตชิพ 70 กรัม
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม
เมล็ดอัลมอนด์ (แบบแท่ง) 70 กรัม
ไข่ไก่ (แช่เย็น) 2 ฟอง
กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

ขั้นตอนการผสม

  1. เริ่มต้นด้วยการอบอัลมอนด์และเม็ดมะม่วง ให้สุกประมาณ 50% และคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันพักไว้ ให้เย็นสนิท และนำช็อกโกแลตชิพ,ลูกเกด,ถั่วคลุกรวมกันทั้งหมด
  2. ตีเนยสดด้วยหัวตีรูปใบไม้ ใช้ความเร็วปานกลาง ตีให้เนยสดขึ้นฟู เบา เป็นสีเหลืองอ่อน
  3. ใส่น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลไอซิ่งทีละน้อยจนหมด และหมั่นปาดอ่างผสมด้านข้าง ส่วนผสมจะได้เข้ากันดีและทั่วถึง
  4. เตรียมไข่ไก่ และใส่ทีละฟองจนหมด ตามที่สูตรบอกไว้
  5. จากนั้นใส่แป้ง ช็อกโกแลตชิพ และถั่วต่าง ๆ ใช้ความเร็วต่ำในการผสมส่วนผสมของแป้ง

ขั้นตอนการขึ้นรูป

  1.  นำถาดอบคุกกี้ รองด้วยแผ่นอบซิลิโคน,แผ่นเทปล่อน หรือทาเนยขาวด้วยกระดาษไขรองอบ
  2. ใช้ที่ตักไอศกรีมขนาดที่ชอบ หรือใช้ช้อน ตักเนื้อคุกกี้วางบนถาดอบที่เตรียมไว้
  3. จากนั้นใช้ส้อมกดเนื้อคุกกี้ให้แบนเล็กน้อย แต่งหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพ

ขั้นตอนการนำเข้าอบ

  1. เตรียมเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ก่อนนำคุกกี้เข้าอบประมาณ 5-15 นาที และใช้เวลาในการอบ 20-25 นาที หรือจนกว่าจะสุกเหลือง
  2. เมื่ออบคุกกี้เสร็จแล้ว แซะคุกกี้ออกจากถาดอบ แล้วพักไว้บนตะแกรงพักขนม ก่อนจัดเสิร์ฟ หรือเก็บใส่บรรจุภัณฑ์ที่เตรียมไว้

Tip:

  1.  การอบถั่วให้สุกก่อน 50 – 80% จะช่วยให้ถั่วและเนื้อคุกกี้สุกพร้อมกัน หากไม่อบถั่วให้สุกประมาณนึงจะทำให้คุกกี้ไหม้ เนื่องจากถั่วสุกยากกว่า และยังช่วยให้ลดความชื้นในถั่วลง ทำให้คุกกี้มีความกรุบกรอบมากขึ้น และได้กลิ่นหอมจากถั่ว
  2. ลูกเกด หรือผลไม้อบแห้งชนิดอื่น ๆ ควรหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนที่จะผสมกับเนื้อคุกกี้ เพื่อให้ผลไม้ผสมเข้ากับเนื้อคุกกี้ได้ง่าย และไม่พองตัวระหว่างที่กำลังอบคุกกี้

คำถามที่พบบ่อย:

1.ทำไมต้องหั่นผลไม้อบแห้งให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่หั่นได้ไหม?

การหั่นผลไม้ให้เป็นชิ้นเล็ก จะช่วยให้ผลไม้ผสมเข้ากับแป้งโดของคุกกี้ได้ดี และไม่พองตัวเมื่อโดนความร้อน ทำให้ส่วนผสมเข้ากันและหลังอบยังมีชิ้นผลไม้ในเนื้อคุกกี้อยู่ ทำให้คุกกี้อร่อยขึ้นด้วยค่ะ

2.ผลไม้แห้งที่ใช้ทำคุกกี้ต้องนำไปแช่น้ำก่อน ใช่ไหมค่ะ?

ไม่ใช่ค่ะ ผลไม้อบแห้งที่ใช้ในการทำคุกกี้ไม่ต้องแช่น้ำก่อนนำมาใช้งาน เนื่องจากคุกกี้ไม่ต้องการความชื้นสูงเกินไป และเนื้อสัมผัสของคุกกี้ต้องให้ความกรอบหลังอบ ดังนั้น การนำผลไม้แห้งไปแช่น้ำก่อน จะทำให้คุกกี้ตอนอบ และหลังอบมีความชื้นสูง ทำให้อบให้สุกได้ช้า และหลังอบคุกกี้จะนิ่ม จึงไม่ควรนำไปแช่น้ำก่อนนำมาใช้งานค่ะ

3.เก็บคุกกี้ยังไงให้กรอบนาน?

  • การเก็บคุกกี้หลังจากที่อบเสร็จแล้ว ควรพักทิ้งไว้ให้เย็นสนิท ก่อนที่จะเก็บใส่กล่องที่มีฝาปิดมิดชิด หรือใส่ถุงซิปล็อค แล้วนำเข้าตู้เย็นสามารถเก็บได้นานมากว่า 1-2 สัปดาห์
  • สามารถเก็บแยกชิ้นคุกกี้ โดยใส่ถุง 1 คำ ต่อ 1 ชิ้นก็ได้ แล้วใส่ถุงกันชื้นไว้ เพื่อความสดใหม่
  • ทำการอบคุกกี้ 2 ครั้งก็ได้ เพื่อช่วยลดความชื้นจากครั้งแรก ก็จะช่วยให้คุกกี้กรอบนาน และเก็บได้นานขึ้นค่ะ

สำหรับใครสนใจเรียนคอร์สทำคุกกี้ ครูทรายก็มีสอนพร้อมบอกเทคนิคดีๆ แบบคอร์สเรียนตัวต่อตัวในบรรยากาศการเรียนทำขนมสไตล์โฮมมี่ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่ เลยนะ

Related Posts

Leave a Reply